คำถามที่พบบ่อย
ข้อมูลเกี่ยวกับเทเวศประกันภัย
  • ที่ตั้งบริษัทเทเวศประกันภัย

    เลขที่ 97 และ 99 อาคารเทเวศประกันภัย ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

     

  • การเดินทางติดต่อบริษัท

    รถประจำทาง :  2, 15, 47, 59, 60, 70, 79, 201, 503, 511, 2, 15, 47, 59, 60, 70, 79, 201, 503, 511

    เรือคลองแสนแสบ : ท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ

  • สามารถติดต่อบริษัทได้ช่องทางไหนบ้าง

    ช่องทางติดต่อ

    - ศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ ตลอด 24 ชม. 1291 กด 1 

    - เทเวศ Contact center 1291 กด 2

    - โทรศัพท์ 02-080-1599 , 02-670-4444 ตลอด 24 ชม.

    - Website : www.deves.co.th

    - Facebook : www.facebook.com/DevesInsurance

    - Line : Add Line

    - Email : dvsins@deves.co.th , callcenter@deves.co.th

  • สาขา และ station ของบริษัทฯ

    สามารถค้นหาสาขาและที่ตั้งได้ที่ สาขา

สินไหมรถยนต์
  • อู่เชียร์ คือ

    อู่ซ่อมรถยนต์ในสัญญาของบริษัทฯ ที่ได้มีการพิจารณาคัดเลือก เฉพาะอู่ซ่อมรถยนต์ที่ได้มาตรฐานในการให้บริการ ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกดังนี้
    1. ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานประเภทซ่อมหรือพ่นสีรถยนต์จากกระทรวงอุตสาหกรรม
    2. มีเครื่องมือและอุปกรณ์ตามมาตรฐานที่กำหนด / ตัวอย่าง เช่น
         2.1 เครื่องดัด/ดึงตัวถังรถยนต์ที่ได้รับมาตรฐานรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรม
         2.2 ห้องสำหรับพ่นสีซึ่งมีระบบกรองฝุ่นตามมาตรฐานโรงงาน
    3. ใช้ระบบสีแห้งช้าทั้งระบบหรือกึ่งแห้งช้า
    4. คุณภาพของงานรับประกันผลงานนับตั้งแต่วันที่รถยนต์ออกจากอู่
         4.1 การซ่อมเคาะพ่นสีเป็นระยะเวลา 1 ปี
         4.2 การซ่อมเครื่องยนต์และช่วงล่างเป็นเวลา 6 เดือน
    5. ใช้ระบบ EMCS ในการอนุมัติซ่อมเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
    6. บริษัทฯ ให้การดูแลและสำรวจความพึงพอใจในการจัดซ่อม พร้อมทั้งประเมินผลงานของอู่ทุกเดือน

  • เอกสารที่ใช้ตั้งเบิกค่าสินไหมต้องใช้อะไรบ้าง

    1. กรณีบาดเจ็บ
    1.1 ลูกค้าติดต่อแจ้งเคลมที่บริษัทฯ หรือสำนักงานสาขา ให้ใช้เอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    ภาคสมัครใจ
    [1] สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี
    [2] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือใบอนุญาตขับขี่หรือหนังสือเดินทางหรือหลักฐานอื่นที่รับรองตัวตนของผู้ประสบภัย
    [3] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ [กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน]
    [4] ใบรับรองแพทย์ และ/หรือประวัติการรักษาของแพทย์
    [5] ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่ายังไม่ได้รับชดใช้เต็มจำนวนตามใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว
    [6] สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารผู้ประสบภัย [กรณีโอนเงินเข้าบัญชี]
    ภาคบังคับ
    [1] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือใบอนุญาตขับขี่หรือหนังสือเดินทางหรือหลักฐานอื่นที่รับรองตัวตนของผู้ประสบภัย
    [2] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ [กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] [ถ้ามี]
    [3] ใบรับรองแพทย์ และ/หรือประวัติการรักษาของแพทย์ [ถ้ามี]
    [4] ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่ายังไม่ได้รับชดใช้เต็มจำนวนตามใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว
    [5] สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารผู้ประสบภัย [กรณีโอนเงินเข้าบัญชี]
    1.2 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน ความคุ้มครอง และพิจารณาค่าสินไหมทดแทน
    1.3 ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 7 วัน [ภาคบังคับ – พ.ร.บ.] และภายใน 15 วัน [ภาคสมัครใจ] นับตั้งแต่วันที่การตกลงเป็นที่ยุติและบริษัทฯ ได้รับเอกสารครบถ้วน

     

    2. กรณีสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ
    2.1 ลูกค้าติดต่อแจ้งเคลมที่บริษัทฯ หรือสำนักงานสาขา ให้ใช้เอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    ภาคสมัครใจ
    [1] สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี
    [2] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือใบอนุญาตขับขี่หรือหนังสือเดินทางหรือหลักฐานอื่นที่รับรองตัวตนของผู้ประสบภัย
    [3] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ [กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน]
    [4] ใบรับรองแพทย์ และ/หรือประวัติการรักษาของแพทย์ ที่ระบุว่าผู้ประสบภัยนั้นสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ
    [5] ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่ายังไม่ได้รับชดใช้เต็มจำนวนตามใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว
    [6] สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารผู้ประสบภัย [กรณีโอนเงินเข้าบัญชี]
    ภาคบังคับ
    [1] สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี
    [2] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือใบอนุญาตขับขี่หรือหนังสือเดินทางหรือหลักฐานอื่นที่รับรองตัวตนของผู้ประสบภัย
    [3] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ [กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] [ถ้ามี]
    [4] ใบรับรองแพทย์ และ/หรือประวัติการรักษาของแพทย์ ที่ระบุว่าผู้ประสบภัยนั้นสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ
    [5] ภาพถ่ายอวัยวะที่สูญเสีย หรือฟิล์มเอ็กซเรย์ หรือทุพพลภาพ[ถ้ามี]
    [6] สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารผู้ประสบภัย [กรณีโอนเงินเข้าบัญชี]
    2.2 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน ความคุ้มครอง และพิจารณาค่าสินไหมทดแทน
    2.3 ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 7 วัน [ภาคบังคับ – พ.ร.บ.] และภายใน 15 วัน [ภาคสมัครใจ] นับตั้งแต่วันที่การตกลงเป็นที่ยุติและบริษัทฯ ได้รับเอกสารครบถ้วน

     

    3. กรณีผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลภายนอกเสียชีวิต
    3.1 ลูกค้าติดต่อแจ้งเคลมที่บริษัทฯ หรือสำนักงานสาขา ให้ใช้เอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    ภาคสมัครใจ
    [1] สำเนาใบมรณบัตร
    [2] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้เสียชีวิตหรือหนังสือเดินทาง [กรณีผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลต่างด้าว]
    [3] ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ของผู้เสียชีวิต [ถ้ามี]
    [4] เอกสารแสดงการเป็นทายาททุกคนของผู้เสียชีวิต ได้แก่ สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น
    [5] เอกสารของทายาททุกคนของผู้เสียชีวิตที่รับค่าสินไหมทดแทน ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น
    [6] คำสั่งศาลให้บุคคลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ [กรณีที่ทายาทผู้เสียชีวิตเป็นผู้เยาว์]
    [7] หนังสือรับรองยืนยันการเป็นทายาทของสถานทูตหรือสถานกงสุล พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย [กรณีเป็นทายาทของบุคคลต่างด้าว]
    [8] หนังสือมอบอำนาจของทายาท และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ [กรณีทายาทมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน]
    [9] สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าผู้นั้นถึงแก่ความตายเพราะการประสบภัยจากรถ
    [10] หนังสือรับรองการตาย [ถ้ามี]
    [11] ใบชันสูตรพลิกศพ [ถ้ามี]
    [12] เอกสารแต่งตั้งผู้จัดการมรดก [ถ้ามี]
    [13] สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารทายาทผู้รับค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต [กรณีโอนเงินเข้าบัญชี]
    ภาคบังคับ
    [1] สำเนาใบมรณบัตร
    [2] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้เสียชีวิตหรือหนังสือเดินทาง [กรณีผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลต่างด้าว]
    [3] ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ของผู้เสียชีวิต [ถ้ามี]
    [4] เอกสารแสดงการเป็นทายาททุกคนของผู้เสียชีวิต ได้แก่ สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น [ถ้ามี]
    [5] เอกสารของทายาททุกคนของผู้เสียชีวิตที่รับค่าสินไหมทดแทน ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น [ถ้ามี]
    [6] คำสั่งศาลให้บุคคลทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ [กรณีที่ทายาทผู้เสียชีวิตเป็นผู้เยาว์] [ถ้ามี]
    [7] หนังสือรับรองยืนยันการเป็นทายาทของสถานทูตหรือสถานกงสุล พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย [กรณีเป็นทายาทของบุคคลต่างด้าว] [ถ้ามี]
    [8] หนังสือมอบอำนาจของทายาท และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ [กรณีทายาทมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] [ถ้ามี]
    [9] สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าผู้นั้นถึงแก่ความตายเพราะการประสบภัยจากรถ
    [10] หนังสือรับรองการตาย [ถ้ามี]
    [11] ใบชันสูตรพลิกศพ [ถ้ามี]
    [12] เอกสารแต่งตั้งผู้จัดการมรดก [ถ้ามี]
    [13] สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารทายาทผู้รับค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต [กรณีโอนเงินเข้าบัญชี]
    3.2 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน ความคุ้มครอง และพิจารณาค่าสินไหมทดแทน
    3.3 ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 7 วัน [ภาคบังคับ – พ.ร.บ.] และภายใน 15 วัน [ภาคสมัครใจ] นับตั้งแต่วันที่การตกลงเป็นที่ยุติและบริษัทฯ ได้รับเอกสารครบถ้วน



    4. กรณีความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
    4.1 ลูกค้าติดต่อขอรับค่าเสียหายของทรัพย์สินที่ได้รับจากอุบัติเหตุ ที่บริษัทฯ หรือสำนักงานสาขา ให้ใช้เอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    [1] ต้นฉบับใบรับรองความเสียหาย [ใบเคลม]
    [2] เอกสารหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
    [3] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของทรัพย์สิน
    [4] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ [กรณีเจ้าของทรัพย์สินมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [5] หลักฐานที่แสดงรายละเอียดความเสียหาย มูลค่า ระยะเวลาการจัดซ่อม เช่น ใบเสนอราคา ใบประเมินราคาความเสียหายของทรัพย์สิน เป็นต้น
    [6] บันทึกประจำวัน [ถ้ามี]
    [7] ภาพถ่ายทรัพย์สินที่เสียหาย [ถ้ามี]
    [8] สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารเจ้าของทรัพย์สิน [กรณีโอนเงินเข้าบัญชี]
    4.2 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน ความคุ้มครอง และพิจารณาค่าสินไหมทดแทน
    4.3 ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่การตกลงเป็นที่ยุติและบริษัทฯ ได้รับเอกสารครบถ้วน

     

    5. กรณีค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ หรือค่าเสื่อมราคาร
    5.1 ลูกค้าติดต่อขอรับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ หรือค่าเสื่อมราคารถ ที่ได้รับจากอุบัติเหตุ ที่บริษัทฯ หรือสำนักงานสาขา ให้ใช้เอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    [1] ต้นฉบับหรือสำเนาใบรับรองความเสียหาย [ใบเคลม]
    [2] สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ
    [3] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ
    [4] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ [กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [5] หลักฐานที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ หรือค่าเสื่อมราคารถ เช่น สำเนาใบนำรถเข้าจัดซ่อม/ใบรับรถ รายการอะไหล่ที่ใช้ในการจัดซ่อม สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าซ่อม [ถ้ามี]
    [6] สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารเจ้าของรถ [กรณีโอนเงินเข้าบัญชี]
    5.2 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน ความคุ้มครอง และพิจารณาค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
    5.3 ดำเนินการจ่ายค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่การตกลงเป็นที่ยุติและบริษัทฯ ได้รับเอกสารครบถ้วน

     

    6. กรณีจัดซ่อมรถยนต์ในศูนย์บริการ [ห้าง] หรืออู่คู่สัญญาของบริษัทฯ
    6.1 ลูกค้าติดต่อแจ้งเคลมที่บริษัทฯ หรืออู่คู่สัญญา ให้ใช้เอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    6.1.1 กรณีรถยนต์ผู้เอาประกัน
    [1] ใบรับรองความเสียหาย [ใบเคลม]
    [2] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หรือสำเนาเอกสารหลักฐานที่ทางราชการออกให้ของผู้ส่งมอบรถยนต์เข้าซ่อม
    [3] สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ
    [4] สำเนาใบอนุญาตขับขี่
    [5] หน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย
    6.1.2 กรณีรถยนต์คู่กรณี นอกจากใช้เอกสารตามข้อ 6.1.1 แล้ว ต้องมีเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    [1] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หรือสำเนาใบอนุญาตขับขี่ หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล [กรณีเป็นนิติบุคคล] ของเจ้าของ หรือผู้มีสิทธิครอบครองรถยนต์คู่กรณี
    [2] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และ ผู้รับมอบอำนาจ [กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [3] สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ
    [4] หน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย
    [5] ใบรับรองความเสียหาย
    6.2 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน ความคุ้มครอง และพิจารณาค่าสินไหมทดแทน
    6.3 ส่งใบแจ้งความเสียหายให้ลูกค้า หรือส่งให้อู่ที่จัดซ่อมผ่านระบบเพื่อให้ลูกค้านำรถเข้าจัดซ่อม
    6.4 เมื่ออู่จัดซ่อมแล้วเสร็จ อู่นำส่งเอกสารชุดใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี และเอกสารประกอบอื่น ๆ ให้บริษัทฯ จ่ายค่าสินไหมทดแทนค่าซ่อมภายใน 15 วันทำการ

     

    7. กรณีจัดซ่อมรถยนต์ในศูนย์บริการ [ห้าง] หรืออู่ที่ไม่ใช่คู่สัญญาของบริษัทฯ
    7.1 ลูกค้า/อู่ที่ไม่ใช่คู่สัญญาของบริษัทฯ ติดต่อประเมินความเสียหายก่อนการจัดซ่อมที่
    บริษัทฯ ให้ใช้เอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    7.1.1 กรณีรถยนต์ผู้เอาประกันภัย
    [1] ใบรับรองความเสียหาย [ใบเคลม]
    [2] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และ ผู้รับมอบอำนาจ [กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [3] ใบประเมินราคาค่าซ่อมหรือใบเสนอราคาก่อนการจัดซ่อม
    [4]ภาพถ่ายความเสียหายของรถยนต์ตามใบประเมินราคาค่าซ่อมที่เกิดจากอุบัติเหตุ
    7.1.2 กรณีรถยนต์คู่กรณี นอกจากใช้เอกสารตามข้อ 7.1.1 แล้ว ให้มีเอกสารหลักฐาน
    ดังต่อไปนี้
    [1] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หรือสำเนา หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล] ของเจ้าของหรือผู้มีสิทธิครอบครองรถยนต์คู่กรณี
    [2] สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ
    [3] หน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย
    7.2 การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกรณีรถซ่อมแล้วเสร็จ ให้นำรถเพื่อตรวจสอบการจัดซ่อม พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    7.2.1 กรณีรถยนต์ผู้เอาประกันภัย
    [1] ใบรับรองความเสียหาย [ใบเคลม] หรือใบแจ้งผลการพิจารณาสินไหมทดแทน [F-MC-054] [ถ้ามี]
    [2] ใบเสนอราคาที่ได้รับการประเมินราคาค่าซ่อมจากบริษัทฯ แล้ว
    [3] ใบเสร็จรับเงิน และหรือใบกำกับภาษี
    [4] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางในกรณีเป็นผู้เอาประกันภัย หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของ กรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [5] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและ ผู้รับมอบอำนาจ [กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [6] ภาพถ่ายรถยนต์และชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์รถยนต์ระหว่างซ่อม และภายหลังจัดซ่อมเสร็จ
    [7] หลักฐานการตรวจสภาพรถยนต์ที่จัดซ่อมแล้วเสร็จ [หลักฐานของบริษัทฯ]
    [8] สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร [กรณีโอนเงินเข้าบัญชี]
    [9] สำเนาใบอนุญาตขับขี่ของเจ้าของรถ
    [10] หน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย
    7.2.2 กรณีรถยนต์คู่กรณี นอกจากใช้เอกสารตามข้อ 7.2.1 [1] และ [4] แล้ว ให้มีเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ด้วย
    [1] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หรือสำเนา หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล] ของเจ้าของ หรือผู้มีสิทธิครอบครองรถยนต์คู่กรณี
    [2] สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ
    [3] เอกสารประนีประนอมยอมความ
    7.3 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน และดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนค่าซ่อมภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วน

     

    8. กรณีรถเสียหายสิ้นเชิง [Total Loss]
    8.1 ลูกค้าติดต่อขอรับค่าเสียหายสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ ที่บริษัทฯ หรือสำนักงานสาขา ให้ใช้เอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    8.1.1 กรณีผู้เอาประกันภัยเป็นผู้รับประโยชน์
    [1] ใบรับรองความเสียหาย [ใบเคลม]
    [2] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางในกรณีเป็นผู้เอาประกันภัย หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [3] หนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและ ผู้รับมอบอำนาจ [กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [4] หนังสือแสดงความประสงค์ขอโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์และรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์
    [5] คู่มือจดทะเบียนรถ
    [6] สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี
    [7] สำเนาคำสั่งศาลที่แต่งตั้งการเป็นผู้จัดการมรดก [กรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต]
    8.1.2 กรณีสถาบันการเงิน หรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้เอาประกันภัยเป็นผู้รับประโยชน์ นอกจากใช้เอกสารตามข้อ 8.1.1 แล้ว ให้มีเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    [1] เอกสารการเช่าหรือเช่าซื้อรถยนต์
    [2] หนังสือสละสิทธิ์ในการรับค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัยรถยนต์
    8.2 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน ความคุ้มครอง และพิจารณาค่าสินไหมทดแทน
    8.3 ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วน

     

    9. กรณีรถสูญหาย
    9.1 ลูกค้าแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุทันที พร้อมทั้งแจ้งเหตุมาที่บริษัทฯ
    9.2 บริษัทฯ ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ โดยนัดหมายลูกค้า เพื่อขอรายละเอียดการเกิดเหตุเพิ่มเติม พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการติดต่อบริษัทฯ รวมถึงจัดเตรียมเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    9.2.1 กรณีผู้เอาประกันภัยเป็นผู้รับประโยชน์
    [1] ใบรับรองความเสียหาย [ใบเคลม]
    [2] สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือใบอนุญาตขับขี่หรือหนังสือเดินทางในกรณีเป็นผู้เอาประกันภัย หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [3] หนังสือมอบอำนาจและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ [กรณีเจ้าของรถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน] หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ [กรณีเป็นนิติบุคคล]
    [4] แบบหนังสือแสดงความประสงค์ขอโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์และรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์
    [5] คู่มือจดทะเบียนรถ
    [6] สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล [กรณีผู้เอาประกันภัยเป็นนิติบุคคล]
    [7] สำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี
    [8] สำเนาคำสั่งศาลที่แต่งตั้งการเป็นผู้จัดการมรดก [กรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต]
    [9] เอกสารการยกเลิกการใช้รถ
    9.2.2 กรณีสถาบันการเงิน หรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้เอาประกันภัยเป็นผู้รับประโยชน์ นอกจากใช้เอกสารตามข้อ 9.2.1 แล้ว ให้มีเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
    [1] เอกสารการเช่าหรือเช่าซื้อรถยนต์
    [2] หนังสือสละสิทธิ์ในการรับค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัยรถยนต์
    9.3 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน และดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วน

     

    ช่องทางในการติดต่อบริษัทฯ ประกันภัยรถยนต์
    1. สำนักงานใหญ่ : บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด [มหาชน] เลขที่ 97 และ 99 อาคารเทเวศประกันภัย ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ 1291
    2. สำนักงานสาขา https://www.deves.co.th/th/contact-us/contact-us
    3. Mobile Application [Deves Dee] และ https://www.deves.co.th

  • ค่าเสียหายส่วนแรกต้องจ่ายในกรณีใดบ้าง

    - 1,000 บาทแรกของความเสียหายอันมิได้เกิดจากการชนหรือคว่ำ
    - 1,000 บาทแรกของความเสียหายอันเกิดจากการชนแต่ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถแจ้งให้ทราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้
    - 2,000 บาทแรกของความเสียหายต่อทรัพย์สินกรณีใช้รถนอกเหนือที่ระบุไว้ในหน้าตาราง
    - 2,000 บาทแรกของความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกในกรณีกรมธรรม์ระบุชื่อผู้ขับขี่ แต่ผู้ขับขี่ไม่มิใช่ที่ระบุชื่อในกรมธรรม์
    - ตามจำนวนเงินส่วนแรกของความเสียหายดังระบุไว้ในตาราง
    - 6,000 บาทแรกของความเสียหายที่เกิดจากการชน การคว่ำ ในกรณีเป็นการประกันภัยระบุชื่อผู้ขับขี่ หากผู้ขับขี่รถยนต์คันเอาประกันภัยในขณะเกิดเหตุมิใช่ผู้ขับขี่ที่ระบุชื่อในกรมธรรม์

  • ทำอย่างไรเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ?

    ติดต่อศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ ตลอด 24 ชั่งโมง 1291 กด 1 หรือ Contact Center 1291 กด 2

  • การจัดซ่อมรถ อู่/ศูนย์ในเครือและอู่/ศูนย์นอกเครือ ต่างกันอย่างไร ?

    1. การจัดซ่อมอู่/ศูนย์ในสัญญา
         1.1 อู่/ศูนย์บริการฯ ดูแลอย่างดีตลอดการจัดซ่อมจนถึงวันรับรถ
         1.2 อู่รับประกันงานหลังจัดซ่อม 1 ปี, ศูนย์รับประกันงานหลังจัดซ่อมตามมาตรฐานศูนย์บริการ
         1.3 การอนุมัติซ่อมผ่านระบบ EMCS สะดวก และรวดเร็ว

     

    2. การจัดซ่อมอู่/ศูนย์นอกสัญญา
         2.1 ลูกค้าต้องสำรองจ่ายก่อนทุกกรณี
         2.2 ลูกค้าต้องนำรถยนต์เข้ามาคุมราคากับบริษัทฯ ก่อนจัดซ่อมทุกครั้ง เพื่อป้องกันส่วนต่างที่เกิดขึ้น
         2.3 ลูกค้าต้องนำรถยนต์เข้ามาตรวจสภาพกับบริษัทฯ หลังรถจัดซ่อม พร้อมแนบรูปถ่ายยืนยันการจัดซ่อม
         2.4 บริษัทฯ ไม่รับประกันงานหลังจัดซ่อมทุกกรณี

  • รถเกิดอุบัติเหตุแต่คู่กรณีหลบหนี ต้องทำอย่างไรบ้าง ?

    1. กรณีเป็นประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 หากทราบทะเบียนรถ หมวดตัวอักษร หมวดจังหวัด ท่านต้องแจ้งความสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีไม่ใช่แจ้งความเป็นหลักฐานเท่านั้น คัดสำเนาบันทึกประจำวัน และติดต่อบริษัทฯ (กรณีนี้ผู้เอาประกันจะถูกเรียกเก็บค่าความเสียหายส่วนแรก(Excess) 1,000 บาท หากไม่ทราบ ทะเบียนรถ หมวดตัวอักษร หมวดจังหวัด ของคู่กรณี)
         1.1 กรณีตัวรถเสียหายเล็กน้อย ให้นำรถยนต์เข้าติดต่ออู่ในสัญญาของบริษัทฯ เพื่อดำเนินการเปิดเคลม
         1.2 กรณีตัวรถเสียหายค่อนข้างมาก ให้ติดต่อบริษัทฯ ที่ศูนย์รับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมงโทรศัพท์ 1291 กด 1 หรือ Contact Center 1291 กด 2 เพื่อบริษัทฯ จะส่งเจ้าหน้าที่สำรวจภัยออกให้บริการช่วยเหลือ

     

    2. กรณีประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ 3+ 2++ 3++ ให้ท่านนำข้อมูลเลขทะเบียนรถของคู่กรณีทั้งหมวดอักษร ตัวเลข และหมวดจังหวัด แจ้งความสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ และคัดสำเนาบันทึกประจำวันติดต่อจัดซ่อม (กรณีไม่สามารถพิสูจน์คู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบกได้ กรมธรรม์ประเภทดังกล่าว(2+ 3+ 2++ 3++) จะไม่ได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
         2.1 กรณีตัวรถเสียหายเล็กน้อย ให้นำรถยนต์ติดต่อที่อู่ในสัญญาของบริษัทฯ เพื่อดำเนินการเปิดเคลม
         2.2 กรณีตัวรถเสียหายค่อนข้างมาก ให้ติดต่อบริษัทฯ ที่ศูนย์รับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมงโทรศัพท์ 1291 กด 1 หรือ Contact Center 1291 กด 2 เพื่อบริษัทฯ จะส่งเจ้าหน้าที่สำรวจภัยออกให้บริการช่วยเหลือ

     

    3. กรณีประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 คุ้มกัน, 3 คุ้มกัน
         3.1 หากเกิดความเสียหายที่ตัวรถทุกกรณี และสามารถจดจำเลขทะเบียนรถของคู่กรณีได้ครบทั้งหมวดอักษร ตัวเลข และหมวดจังหวัด ให้ท่านแจ้งความสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ และรอนัดหมายจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
         3.2 หากทราบวันที่นัดหมาย ให้ติดต่อบริษัทฯ ที่ศูนย์รับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง โทรศัพท์ 1291 กด 1 หรือ Contact Center 1291 กด 2 เพื่อบริษัทฯ จะส่งเจ้าหน้าที่สำรวจภัยออกตรวจสอบและพิจารณาความรับผิดชอบ เนื่องจากกรมธรรม์ประเภทดังกล่าว (2 คุ้มกัน, 3 คุ้มกัน) ผลของการเกิดอุบัติเหตุจะต้องเป็น “ฝ่ายถูก” เท่านั้น ถึงจะเข้าเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์

ข้อควรรู้
  • ความเสียหายเกี่ยวกับ "ยางรถยนต์" จะได้รับความคุ้มครองและไม่คุ้มครองในกรณีใดบ้าง

    - กรณีที่ไม่ได้รับความคุ้มครองคือ

    -> ยางเสื่อมสภาพจากการใช้งาน เช่น ยางระเบิด, ยางบวม, ยางฉีกขาดที่ไม่จากอุบัติเหตุ

     

    - กรณีที่ได้รับความคุ้มครองคือ

    -> ความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุการเฉี่ยวชน เช่น รถชนแล้วยางแตก, ฉีกขาด, ยางระเบิด

    -> ยางถูกโจรกรรม(โดยลูกค้าต้องแจ้งความ สน.พื้นที่ที่เกิดเหตุ และคัดสำเนาบันทึกประจำวัน ติดต่อบริษัทฯ )

    โดยบริษัทฯ จะรับผิดชอบค่าเสียหาย 50% ของราคายางที่เปลี่ยนใหม่

  • กระจกบังลมหน้าแตกต้องทำอย่างไร ?

    มีขั้นตอนดังนี้

    1. เบี้ยประกันซ่อมอู่ ท่านสามารถนำรถยนต์ติดต่อร้านกระจกในเครือเพื่อเคลมเปลี่ยนกระจกได้ โดยตรวจสอบร้านกระจกในเครือของบริษัทฯได้จาก รายชื่อร้านกระจกหน้าเว็บไซต์ www.deves.co.th

    2. เบี้ยประกันซ่อมศูนย์ ให้ติดต่อบริษัทฯ ศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ ตลอด 24 ชม. 1291 กด 1 หรือ Contact center โทร. 1291 กด 2 เพื่อส่งเจ้าหน้าที่สำรวจภัยออกใบเคลมและนำรถติดต่อศูนย์บริการในเครือ บริษัทฯ

  • หลักฐานที่ใช้ในการแจ้งแคลมมีอะไรบ้าง ?

    - ใบขับขี่ของผู้ขับขี่ขณะเกิดอุบัติเหตุ

    - สำเนาทะเบียนรถ

    - หน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์

  • สนใจผลิตภัณฑ์หรือต้องการทำประกันภัย ต้องทำอย่างไร ?

    สามารถทำประกันผ่าน www.deves.co.th  หรือติดต่อเทเวศ Contact center 1291 กด 2 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง